Vorticella! ล้วนๆ! เคลื่อนไหวอย่างสง่างามด้วยขนตาที่ละเอียดอ่อนและยึดเกาะอยู่กับพื้นผิวด้วยก้านยาว
Vorticella เป็นโพรโทซัว ciliate ที่พบได้ทั่วไปในน้ำจืด และบางครั้งก็พบในน้ำเค็ม มีลักษณะเป็นกระบอกยาวตั้งตรงยึดติดอยู่กับพื้นผิว เช่น ก้อนหิน อัลแก หรือพืชน้ำด้วยก้านที่เรียกว่า “Stalk” Vorticella มีขนาดเล็กมาก โดยทั่วไปไม่เกิน 50 ไมโครเมตร
Vorticella เป็นสัตว์เดี่ยวที่มีเซลล์เดียว แต่มีความซับซ้อนในการทำงานและโครงสร้างภายใน ซึ่งแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวอื่นๆ ตัว Vorticella เองถูกหุ้มด้วยขนตาที่ละเอียดอ่อนจำนวนมาก ซึ่งช่วยให้มันเคลื่อนไหวได้อย่างสง่างาม
รูปร่างและโครงสร้างของ Vorticella:
ส่วน | ฟังก์ชัน |
---|---|
Stalk | ยึดเกาะไปยังพื้นผิว |
Bell | มีขนตาจำนวนมากเพื่อการเคลื่อนไหว |
Contractile Vacuole | กำจัดน้ำส่วนเกินออกจากเซลล์ |
Nucleus | ควบคุมกิจกรรมของเซลล์ |
การเคลื่อนไหวและการจับเหยื่อ:
Vorticella เป็นสัตว์กินเนื้อที่ใช้ขนตาเพื่อสร้างกระแสน้ำที่ดึงเหยื่อเข้ามาใกล้ตัว เหยื่อที่พบบ่อยที่สุดคือแบคทีเรีย และProtozoa ขนาดเล็กอื่นๆ เมื่อเหยื่อถูกดักจับ Vorticella จะงอ Stalk เข้าหา Bell เพื่อดูดซับเหยื่อ
การเคลื่อนไหวของ Vorticella คล้ายกับการเต้นรำที่สง่างามและมีจังหวะ เมื่อได้รับความกระตุ้น หรือพบเหยื่อ Vorticella จะหมุนตัวอย่างรวดเร็ว และขนตาจะพัดคลื่นน้ำให้ไหลเวียน
วงจรชีวิตของ Vorticella:
Vorticella ปรากฎในรูปแบบ asexual ซึ่งหมายถึงการสืบพันธุ์โดยไม่มีการมีส่วนร่วมของ gametes Vorticella จะสร้าง “Bud” หรือ outgrowth บน Stalk ของตัวเอง Bud นี้จะเจริญเติบโตขึ้นมาจนกลายเป็น Vorticella ตัวใหม่
Vorticella อาจทำการ reproduce asexually หลายครั้งก่อนที่จะเข้าสู่ cycle การ reproduce sexually ซึ่งเรียกว่า Conjugation
ความสำคัญทางนิเวศวิทยา:
Vorticella เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของระบบนิเวศน้ำจืด มันช่วยควบคุมประชากรของแบคทีเรีย และ Protozoa ตัวอื่นๆ
นอกจากนี้ Vorticella ยังเป็นอาหารสำหรับสัตว์น้ำขนาดใหญ่กว่า เช่น copepods และ rotifers
ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ:
- เมื่อ Vorticella ถูกคุกคาม มันจะหดตัวลงอย่างรวดเร็วและย้ายไปยังตำแหน่งที่ปลอดภัย
- Vorticella สามารถสร้าง toxin เพื่อป้องกันศัตรู
Vorticella เป็นตัวอย่างของความหลากหลายและความซับซ้อนของชีวิตในโลกจุลภาค แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ Vorticella ก็มีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศ และเป็นเครื่องยืนยันถึงความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ